อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherland) และเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นเมืองแห่งมรดกโลก รวมถึงเป็นเมืองริมแม่น้ำสุดแสนจะโรแมนติก ที่ถูกขุดขึ้นในศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นเส้นทางในการใช้เพื่อสัญจร ขนส่งสินค้า และป้องกันข้าศึกศัตรู โดยเมืองอัมสเตอร์ดัมรายล้อมไปด้วยน้ำทะเลลึก หลายพื้นที่อยู่ภายใต้ความเสี่ยงต่อการจมทะเลลึกราว 7 เมตร และบางพื้นที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 320 เมตร ในอดีตจึงเกิดเหตุน้ำท่วมอยู่หลายครั้ง พร้อมได้มีการคิดวิธีการป้องกันน้ำท่วมตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา จุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนเมืองอัมสเตอร์ดัมนั้น เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 21 หรือ พุทธศักราช 2552 ที่เริ่มดำเนินการภายใต้โครงการ “Smart City Amsterdam” ที่ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนของเมือง โดยเฉพาะพลเมืองในพื้นที่ ที่เห็นถึงความสำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมือง อัมสเตอร์ดัม สมาร์ทซิตี้ เมืองแห่งมรดกโลก ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ชาญฉลาด
ประเทศอัมสเตอร์ดัม ถือว่าเป็นเมืองหลักแห่งการค้าของประเทศเนเธอแลนด์ มีจุดเช็คอินและกิจกรรมที่น่าสนใจจำนวนมาก มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปลอดภัย รวมถึงแต่ละสถานที่มีความโดดเด่น สวยงาม พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม ในแต่ละจุดของเมือง เช่น ล่องเรือเที่ยวชมความสวยงามของเมือง พักผ่อนที่บ้านลอยน้ำ ปั่นจักรยานชมเมือง ชมสถาปัตยกรรมเมือง ชม Van Gogh Museum และทานอาหารแสนอร่อยจากจากร้านอาหารที่มียอดรีวิวนับล้าน เป็นต้น นอกจากนี้ บ้านลอยน้ำริมคลองเมืองเก่า ยังถูกขึ้นชื่อว่าเป็น “Venice of the North” อีกด้วย รวมถึงเป็นศูนย์บ่มเพาะ Startup ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ชาญฉลาด และแอปพลิเคชันใหม่ๆ เพื่อพัฒนาประเทศต่อไป
ภาพที่1 ภาพบรรยากาศ อัมเตอร์ดัม ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B5
นอกจากอัมสเตอร์ดัมจะได้รับความร่วมมือที่ดีจากทุกภาคส่วนแล้ว ยังวาง Infrastructure ของเมืองได้ดีอีกด้วย มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและชาญฉลาด เข้ามาร่วมพัฒนาเมืองให้มีความน่าอยู่มากขึ้น เกิดความปลอดภัยยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง โดยรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เมือง
จึงมีนโยบายสำคัญต่างๆ ที่ผลักดันให้ประชาชนในเมืองหันมาปั่นจักรยาน มากกว่าการใช้รถยนต์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเมือง รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนเมืองติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดใช้เอง ส่งผลให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยมีเป้าหมายว่าในปี ค.ศ. 2020 จะลดการใช้คาร์บอนได้ออกไซด์ลง 40% และภายในปี ค.ศ. 2040 จะลดลงให้ได้ 75% เป็นต้น
สำหรับ อัมสเตอร์ดัมสมาร์ทซิตี้ หรือ Amsterdam Smart City ในปัจจุบัน
การขับเคลื่อนเมืองถูกครอบคลุมไปแล้วทั้ง 7 ด้าน Smart City ประกอบด้วย
1) ด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment)
2) พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) เน้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง ประชาชนเมืองหันมาใช้พลังงานสะอาด แทนพลังงานจากโครงข่ายไฟฟ้าหลัก
3) การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) มีการวางโครงสร้างพื้นฐานของเมืองที่ดี มีนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด เช่น โครงการ Smart Urban Mobility ที่เก็บข้อมูลการเดินทางของประชาชนบนท้องถนน เพื่อนำไปวิเคราะห์ หรือทำนายอนาคตเมือง
4) การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) เมืองมีความทันสมัย ปลอดภัย สะอาด น่าอยู่
5) พลเมืองอัจฉริยะ (Smart People) ประชาชนเข้าถึงการเรียนรู้ได้ทุกที่ มีช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย
6) การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) การบริการภาครัฐมีความทันสมัย โปร่งใส ประชาชนเข้าถึงได้ทุกเวลา และ
7) เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บล็อกเชน (Blockchain) และอินเทอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่ง (IoT) เป็นต้น โดยนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการทำธุรกิจและบริการ และสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจ เป็นต้น
อัมสเตอร์ดัม สมาร์ทซิตี้ ในบทความนี้ ขอยกตัวอย่างโครงการที่โดดเด่นของ Amsterdam Smart city ที่ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา รวมถึงภาคประชาชน ที่ร่วมกันขับเคลื่อนจนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “เมืองอัจฉริยะแถวหน้าของโลก” มีโครงการนำร่องไม่น้อยกว่า 80 โครงการ หนึ่งในโครงการดังกล่าว คือ โครงการ City-zen เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนในเมืองหันมาใช้พลังงานสะอาด 100% เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานจากชีวมวล หรือพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทั้งเน้นการจัดเก็บ Green Energy ให้มีใช้ต่อไปในอนาคต โดยรณรงค์ให้แต่ละบ้านติดตั้งแผง Solar Cell เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง ซึ่งในโครงการนี้ยังประกอบไปด้วยโครงการย่อยอีกมากมาย เพื่อขับเคลื่อนเมืองให้มุ่งไปสู่เป้าหมายในการลดการใช้คาร์บอนได้ออกไซด์ลง ภายในปีคริสต์ศักราช 2040 โดยมีเป้าหมายลดการใช้คาร์บอนได้ออกไซด์ลงจำนวน 75%
Smart Light เป็นโครงการที่พัฒนาขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยการติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะ (Smart Pole) ที่สามารถควบคุมแสงสว่างได้อัตโนมัติ พร้อมติดเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวบริเวณโดยรอบพื้นที่ มีบริการ Wi-Fi และกล้อง CCTV นอกจากสามารถดูแลความปลอดภัยของเมือง หรือลดการใช้พลังงานจากโครงข่ายไฟฟ้าหลักได้แล้ว ยังช่วยลดปริมาณการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในพื้นที่ได้อีกด้วย
Climate Street เป็นโครงการนำร่องบริเวณแหล่ง Shopping หลักในเมือง พัฒนาให้เป็นแหล่ง Shopping ที่ยั่งยืน ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในพื้นที่ มีการติดตั้ง Solar Cell เพื่อใช้เป็นพลังงานไฟฟ้า พร้อมใช้ Smart Meter ในการติดตามการใช้พลังงาน เปลี่ยนหลอดไฟทั้งหมดให้เป็นหลอด LED ติดตั้งถังขยะ BigBelly ที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ใช้บริการรถขยะพลังงานไฟฟ้าจากผู้ให้บริการรายเดียว มีปลั๊กไฟอัจฉริยะที่สามารถปิด-เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อัตโนมัติ มีระบบเสาไฟอัจฉริยะ พร้อมปรับกระบวนการ Logistic ให้เหมาะสม เพื่อร่วมกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงในย่านแหล่งการค้านี้
ภาพที่ 2 ภาพถังขยะอัจฉริยะ Bigbelly ที่มา: https://www.depa.or.th/th/article-view/amsterdam-smart-city
จะเห็นได้ว่า อัมสเตอร์ดัม สมาร์ทซิตี้ เป็นอีกเมืองที่น่าศึกษารูปแบบการพัฒนาเมือง เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ หรือต่อยอดตามบริบทพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและชาญฉลาดเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการเมืองนั้น ถือเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดความเป็นอัจฉริยะของเมือง แต่ควรคำนึงถึงบริบทของพื้นที่ และหัวใจสำคัญของโครงการ คือ พลเมืองเป็นศูนย์กลาง หรือ Citizen Centric ที่ควรให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นหลัก ประชาชนเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาเมือง ไม่ใช่ประชาชนต้องดำเนินชีวิตภายใต้ความอัจฉริยะของเทคโนโลยี แต่เทคโนโลยีควรเข้ามาช่วยเสริมให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เมืองมี ความปลอดภัย ประชาชนสามารถบริหาร จัดการชีวิตได้อย่างง่าย และยั่งยืน