สเต็ปการเตรียมความพร้อมในการย่างก้าวสู่สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
1.การศึกษาหาข้อมูล
ก่อนอื่นเลยนะคะ การเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะเข้าเรียนหรือศึกษาต่อสาขาวิชาชีพแขนงใดแขนงหนึ่ง
เราจะต้องศึกษาข้อมูลของสาขาแต่ละแขนงนั้นๆว่าสาขานั้นเรียนเกี่ยวกับอะไร หลักสูตรมีอะไรบ้าง
สำหรับสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์นะคะ จะเป็นศาสตร์เกี่ยวกับการศึกษาค้นคว้าทฤษฎีการคำนวณสำหรับคอมพิวเตอร์
และทฤษฎีการประมวลผลสารสนเทศ ทั้งด้านซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์และเครื่อข่ายซึ่งวิทยาการคอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วยหลายหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์
สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์เป็น 1 ใน 5 ศาสตร์ของสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ซึ่งประกอบด้วย สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ และสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ แบ่งเรื่องที่เรียนหลักๆ 6 ด้านคือ
1.หลักการหรือทฤษฎีการเขียนโปรแกรมและซอฟแวร์
จะศึกษาเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาต่างๆที่เป็นที่นิยมในการเขียนปัจจุบัน และภาษาที่ศึกษาหลักๆ จะมี ภาษาซี ภาษาจาวา ภาษาพีเฮชพี เป็นต้น
และนอกเหนือจากนี้นะคะยังศึกษาเกี่ยวกับหลักการเขียนโปรแกรมและอัลกอลิทึม การศึกษาวิธีการเขียนการออกแบบซอฟแวร์หรือโปรแกรมที่จะเขียน
2.เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างของคอมพิวเตอร์และการควบคุมคอมพิวเตอร์
ศึกษาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยวงจรไฟฟ้าแบบดิจิตอลอย่างไร และศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างสถาปัตยกรรม
ศึกษาโปรแกรมพื้นฐานที่เอาไว้ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าระบบปฏิบัติการหรือเรียกว่า OS
รวมทั้งศึกษาวงจรคอมพิวเตอร์เฉพาะงานที่เรียกว่าไมโครโปรเซสเซอร์ ศึกษาการควบคุมความปลอดภัยของระบบคอมพิเตอร์
3.ศึกษาเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสาร ศึกษาพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล
โครงสร้างและองค์ประกอบของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การนำเอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมโยงกันเพื่อให้ใช้งานร่วมกันได้
และศึกษาเกี่ยวกับการนำเอาคอมพิวเตอร์ไปให้บริการต่างๆทางอินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีสารสนเทศบนเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาได้
4.ศึกษาเกี่ยวกับการนำเอาคอมพิวเตอร์ไปใช้ในด้านงานกราฟิกมัลติมีเดีย ศึกษาเกี่ยวกับการประยุกต์คณิตศาสตร์ไปใช้กับการออกแบบชิ้นงานให้มีรูปร่างต่างๆ
รวมทั้งการนำเอาคอมพิวเตอร์ไปจัดการกับภาพและเสียง
5.ศึกษาเกี่ยวกับการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ทำงานปัญญาประดิษฐ์ ศึกษาวิธีการสร้างระบบสารสนเทศให้มีความชาญฉลาด
หรือการนำเอาศาสตร์ที่ชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศที่เลียนแบบมนุษย์
6.ศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของการคำนวณและประยุกต์ใช้งานระดับสูงศึกษาหลักการที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการคำนวณซึ่งเป็นทฤษฎีระดับสูงและศึกษาการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้งานระดับสูงที่มีความยาก
2.ความรู้พื้นฐานในการเขียนโปรแกรม
ต้องมีขั้นตอนและวิธีการทางคอมพิวเตอร์ ก่อนที่เราจะเขียนโปรแกรมภาษาใดภาษาหนึ่งเพื่อแก้ปัญหา
เราควรศึกษาขั้นตอนวิธีการทางคอมพิวเตอร์เพื่อให้เกิดความเข้าใจใจแต่ละขั้นตอนและถูกต้องตามขั้นตอนดังนี้
2.1 การวิเคราะห์งาน
2.2 การเขียนผังงานโปรแกรม
2.3 การเขียนโปรแกรม
2.4 การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม
2.5 การจัดทำเอกสารประกอบ และบำรุงรักษาโปรแกรม
- สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์จบไปทำงานด้านไหนได้บ้าง
สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์เป็นสาขาวิชาโดยตรงของสายงานทางด้านไอทีซึ่งในสาขานี้จะได้เรียนเกี่ยวกับการเขียนโค้ดการพัฒนาโปรแกรม
ด้านคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ในส่วน Network ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เป็นบางส่วนโดยอาชีพที่สามารถทำได้หลังจากเรียนจบก็จะเป็นงานทางด้านไอทีเกือบทุกงาน
ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์นักวิเคราะห์และออกแบบโปรแกรมผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลเจ้าหน้าที่เทคนิคหรือผู้เเชี่ยววชาญด้านระบบคอมพิวเตอร์
สเต็ปการเตรียมความพร้อมในการย่างก้าวสู่สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
1.วิศวะคอมฯ วิทยาการคอมฯ ไอที ต่างกันอย่างไร?
ตอบ – วิทยาการคอมพิวเตอร์ (COMPUTER SCIENCE) คือกระบวนการทางตรรกะ การคำนวณที่เป็นขั้นเป็นตอนนั่นเอง การทำงานซ้ำๆ เดิมๆ ที่เป็นขั้นเป็นตอนนี้มีศัพท์ที่สำคัญมากในวงการ ก็คือคำว่า Algorithm มันจะอยู่ในทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์ การที่เราจะสร้างโปรแกรมที่จะแก้ปัญหาอะไรบางอย่าง เราก็ต้องคิด Algorithm ขึ้นมาแก้ (จากนั้นจึงไปเขียนโปรแกรม) ปรากฎว่าโลกใบนี้มันมีปัญหามากเหลือเกิน บางปัญหามันจำเป็นต้องใช้พลังการคำนวณมหาศาลจนบางครั้งเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ เหล่านี้แหละคือปัญหาที่จะต้องศึกษาเมื่อมาเรียน Computer Science
– วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (COMPUTER ENGINEERING) วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เริ่มจากแบ่งคำออกมา จะได้คำว่า วิศวกรรม และ คอมพิวเตอร์ คำว่า วิศวกรรม
โดยความหมายที่เข้าใจได้นั้น มันคือการสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมา ด้วยกระบวนการที่มีแบบแผนชัดเจน ดังนั้นก็จะเห็นว่า วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ก็คือการสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาโดยการใช้คอมพิวเตอร์นั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การทำงานก็จะเชื่อมต่อมาจากนัก Computer Science ที่ค้นพบกระบวนท่าวิธีใหม่ๆ ต่อมานัก Computer Engineering ก็จะเอาสิ่งเหล่านั้นมาประกอบกันสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาให้คนทั่วไปใช้งานได้นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ไปกระทั่งถึงโปรแกรมที่เราใช้ๆ กัน
– เทคโนโลยีสารสนเทศ (INFORMATION TECHNOLOGY)
สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ IT โดยสาขาวิชานี้ก็คือการนำเทคโนโลยีไปใช้กับสารสนเทศนั่นเอง แล้วสารสนเทศคืออะไร? สารสนเทศแปลภาษาอังกฤษก็คือ Information แปลกลับเป็นไทยอีกทีก็คือ ข้อมูล (Data) ที่มีผ่านการดำเนินการบางอย่างให้มีประโยชน์แล้วนั่นเอง คือยุคคอมพิวเตอร์เนี่ย เราเก็บข้อมูลกันบนคอมฯ ทีนี้เรามีการสื่อสารกันผ่านคอม มันสร้างข้อมูลกันเยอะแยะไปหมด คำถามก็คือ เราจะเอาไอ้ข้อมูลเหล่านั้นมีสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้อย่างไร นั่นคือแก่นของสิ่งที่สาขาวิชานี้จะสอน
2.วิทย์คอมสายศิลป์สายอาชีพสามารถเรียนได้ไหม?
ตอบ เรียนได้ค่ะปัจจุบันสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์เปิดรับนักศึกษาที่จบการศึกษาระดับชั้นม 6 หรือเทียบเท่าไม่ว่าจะมาจากสายศิลป์หรือสายอาชีพก็เข้าเรียนได้
3.วิทย์คอมเรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง?
ตอบ สาขาเราเน้นกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยจะได้เรียนตั้งแต่การวิเคราะห์และออกแบบระบบไปจนถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นเกม เว็บ Mobile App หรือแม้แต่ IOT สมองกลฝังตัว
4.วิทย์คอมถ้าไม่เคยเขียนโปรแกรมสามารถเรียนได้ไหม?
ตอบ เรียนได้เพราะสาขาเรามีการปรับพื้นฐานให้นักศึกษาใหม่ทุกคนทั้งในรูปแบบโครงการและกิจกรรมการเรียนการสอนเพียงแค่มีความตั้งใจก็พอ
5.วิทย์คอมจบไปแล้วมีงานอะไรรองรับบ้างเงินเดือนเท่าไหร่?
ตอบ จบไปสามารถทำงานได้หลากหลายมากแต่หลักๆจะทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ นักวิชาการคอมพิวเตอร์ ไอทีซัพพอร์ต เป็นต้น
เงินเดือนรุ่นพี่สุไปทำงาน 1 ปีเป็นโปรแกรมเมอร์เงินเดือนเกือบ 30,000 แล้ว
6.วิทย์คอมจบไปสามารถต่อครูได้มั้ย?
ตอบ ได้แน่นอนจบสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์นอกจากจะได้เดินทางสายโปรแกรมเมอร์แล้ว ยังสามารถสมัครเรียน ป.บัณฑิต เพื่อได้ใบประกอบวิชาชีพครู ได้เหมือนหลักสูตรครุศาสตร์เพียงแต่มีความหลากหลายทางอาชีพมากกว่า
ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาซึ่งสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการศึกษาต่อได้ และในอนาคตเทคโนโลยีใหม่ๆจะเข้ามามีบทบาทมีผลต่อความเจริญก้าวหน้าของสังคมมากสามารถใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆเพื่อรองรับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
- Internet of things
Internet of Things หรือไอโอทีเป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องใช้ให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างครบวงจร
การทำงานของ Internet of things จะใช้ Big Data มาเป็นข้อมูลในการดำเนินกระบวนการทำงานในอนาคตเราอาจจะเห็น Smart City เมืองสุดล้ำที่ทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันได้หรือการพัฒนาด้านความปลอดภัยของคนในสังคมได้จากการที่เราแข่งขันกันในตลาด internet of things
2.การชาร์จแบบไร้สายที่ไร้ขีดจำกัด
การชาร์จแบบไร้สายแบบ Over the air คือการส่งพลังงานเพื่อชาร์จผ่านทางอากาศสามารถใช้ได้ทั้ง Smart Phone นาฬิกาอัจฉริยะคีย์บอร์ดไร้สายซึ่งในอนาคตเราอาจจะได้เห็นการชาร์จไร้สายที่สมบูรณ์และสามารถส่งพลังงานได้ไกลถึงกว่า 100 ฟุต
3. การทำงานอัตโนมัติและบทบาทมนุษย์น้อยลง
โดยเฉลี่ย 51% ของบริษัทกำลังใช้ระบบการตลาดอัตโนมัติและ 50% ของบริษัท b2b ได้มีการวางแผนที่จะใช้เทคโนโลยีนี้จะเห็นได้ว่ากระบวนการทำงานที่เบ็ดเสร็จผ่านทางระบบอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์เครื่องจักรหรือระบบต่างๆมากขึ้นรวมถึงบทบาทของมนุษย์ก็จะน้อยลง
4. ยุคของ AI
ในอนาคตข้างหน้าเราจะได้เห็นการดำเนินการด้วย AI ที่ครอบคลุม งานด้านต่างๆตั้งแต่สิ่งที่อยู่รอบตัวเราเครื่องใช้ในบ้านไปจนถึงคลังอาวุธของประเทศการเข้าถึง AI จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นในตลาดที่มีการแข่งขันอยู่ในขณะนี้ AIS จะสามารถสนทนาและทำการคัดเลือกต่างๆได้ด้วย
5. Smart Home
เมื่อเทคโนโลยีได้นำพานวัตกรรมใหม่ๆให้สามารถใช้งานเชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ Smart Home คงไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไปมีบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ให้ความสนใจกับ Smart Home เป็นจำนวนมากการผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้อัจฉริยะภายในบ้านจะได้รับความนิยมมากขึ้น
6. AR และ VR จะมีบทบาทมากขึ้น
เราสามารถใช้เทคโนโลยี AR และ VR ในรูปแบบ 360 องศาได้ง่ายๆผ่านทางสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ต่างๆลองนึกภาพว่าถ้าเราสามารถช้อปปิ้งออนไลน์ได้เหมือนกับไปเดินเลือกจากที่ร้านจริงๆเล่นเกมได้เหมือนกับอยู่ในโลกนั้นจริงๆชมคอนเสิร์ตได้รอบทิศทางเหมือนอยู่ในสถานที่นั้นหรือรับรู้สื่อโฆษณาสื่อการศึกษาได้เหมือนจริงคงเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลยและสิ่งนี้กำลังจะถูกใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น
7. รถยนต์ระบบขับเคลื่อนตนเอง
รถยนต์ขับเคลื่อนตนเองเป็นแนวคิดที่มีความน่าสนใจรวมไปถึงการพัฒนารถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าไนโตรเจนหรือพลังงานอื่นๆทดแทนการใช้น้ำมันแม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างแต่ก็ยังคงมีการคิดค้นพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งไม่แน่ว่าในอนาคตที่ไม่ไกลเกินรอเราอาจได้เห็นรถยนต์ขับเคลื่อนตัวเองวิ่งกันอยู่ตามท้องถนนจนมองเป็นเรื่องธรรมดาก็ได้
จัดทำโดย นางสาว ศิโรรัตน์ ยุตะวัน 600112230045 สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ดูวิดีโอเพิ่มเติมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=sy4-MMm4SRI[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]