ในปัจจุบันการสื่อสารผ่านทางแอพพลิเคชันต่างๆ เช่นไลน์และเฟซบุ๊กได้รับความยอมรับจากทั้งภาคสังคมและภาคธุรกิจ เนื่องจากเทคโนโลยีการสื่อสารได้เจริญพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่ผู้ใช้จะโพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมหรือหมิ่นประมาท ทำให้ไลน์และเฟซบุ๊กกลายเป็นแอพพลิเคชันสังคมออนไลน์ที่ถูกคุกคามด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการโพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมหรือหมิ่นประมาท บทความจึงขอกล่าวถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวังในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ
1. การด่าทอกับในสื่อโซเชียล ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หรือไม่
สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ เกี่ยวกับการด่าทอกันในเฟซบุ๊ค มักจะเห็นว่าสิ่งนั้นผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 แต่ในความจริงแล้วการโพสต์ด่าว่าผู้อื่น หรือด่าทอกันในสื่อโซเชียลมีเดียไม่ถือว่าเป็นความผิดตามมาตราดังกล่าว แต่จะเป็นความผิดในเรื่องการหมิ่นประมาท อย่างไรก็ตามหากโพสต์ด่าว่าผู้อื่นโดยข้อมูลนั้นเป็นเท็จ ก็มีโทษ หากเข้าลักษณะเป็นความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
การโพสต์ข้อความลงในไลน์ (Line) หรือเฟซบุ๊ก (Facebook) ที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นได้ ข้อความนั้นจะต้องมีลักษณะเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง และข้อความที่ถูกโพสต์นั้นต้องเป็นข้อความที่ยืนยันข้อเท็จจริง และข้อความความนั้นจะต้องระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความให้ชัดเจนว่าหมายถึงบุคลใดด้วย (สำนักกฎหมายนำชัย พรมทา, 2564)
2. การกดไลค์ ข้อความ หรือคลิปวิดีโอต่าง ๆ ไม่ถือว่าเป็นความผิดตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ แต่มีข้อยกเว้น เช่น การกดไลค์ข้อมูลที่สร้างผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง (พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, 2560, หน้า 3) หรือเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 หรืออาจมีความผิดร่วม ดังนั้นก่อนการกดไลค์ข่าวหรือข้อความใด ๆ ควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน
3. การแชร์ผิดหรือไม่ ? การแชร์ การกดแชร์ข้อมูลปลอม ข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่เป็นความจริง หลอกลวง ที่มีผลทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น ประชาชน ความมั่นคงของประเทศได้ เช่น ข้อมูลที่มีผลกระทบต่อสังคม ความมั่นคงของชาติ และหากเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี รวมถึงกด Share แล้วข้อมูลกระทบต่อบุคคลที่ 3 อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ (ธนาคารธนชาติ, 2565)
4. การแอบอ้างตนเป็นบุคคลอื่น ตัดต่อภาพบุคคลอื่น โพสต์ภาพผู้เสียชีวิตทำให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตอับอาย ถือมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 16 (พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, 2560, หน้า 4) การแชร์ข้อมูลข้างต้นถือเป็นความผิดเช่นเดียวกัน
5. สำหรับ แอดมินเพจ ที่เปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความที่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อลบออกจากพื้นที่ที่ตนดูแลแล้ว จะถือเป็นผู้พ้นผิด
6. การสร้างเพลย์ลิสต์ (Playlist) รวบรวมคลิปเพลง คลิปวิดีโอ ที่ได้รับการแชร์แบบสาธารณะจากผู้อื่นเพื่อเก็บไว้รับชมในภายหลัง ต้องระมัดระวังเช่นเดียวกับการแชร์ โดยไม่ควรสร้างเพลย์ลิสต์รวบรวม สื่อลามก อนาจาร ละเมิดลิขสิทธิ์ หากผู้สร้างเพลย์ลิสต์ได้ตรวจพบว่าสื่อที่ตนเองรวมไว้มีสิ่งที่ผิดต่อกฎหมายให้รีบลบโดยทันจะถือว่าไม่มีความผิด หากยังมีความกังวลเกี่ยวกับคลิปวิดีโอที่เก็บรวบรวมไว้ ท่านสามารถตั้งค่าเพลย์ลิสต์ให้เป็นส่วนตัวได้เพื่อไว้รับชมแต่เพียงผู้เดียว หรือแชร์ให้เฉพาะหมู่เพื่อน
แหล่งที่มา
https://numchailawyer.com/2021/08/26/article01245/
https://www.ttbbank.com/th/fin-tips/detail/computer-act
https://race.nstru.ac.th/home_ex/blog/topic/show/6000